ปริมาณงานตกแต่งเรทราคานี้
- งานพื้น : กระเบื้องยาง
- งานผนัง : ยิปซัม ทาสี
- งานระบบไฟฟ้า : ปลักซ์ไฟบางจุด
- งานเดินสายแลนบางจุด
- งานผนังกระจกธรรมดา 6 มม.เฟรมอลูมิเนียม
- งานบิ้วอินเฟอร์นิเจอร์เล็กน้อย
หมายเหตุ : ในกรณีนี้จะใช้ฝ้าเดิม โคมไฟเดิม ของอาคาร
เราคือทีมงานบริษัท รับออกแบบตกแต่งภายในออฟฟิศ สำนักงาน รับรีโนเวทออฟฟิศ โรงงาน รื้อถอนปรับปรุงทำคืนพื้นที่อาคาร ที่จะช่วยให้ท่านแก้ไขปัญหาเรื่องการออกแบบ ตกแต่ง รีโนเวท ออฟิศ โดยเรามีทีมงานมัณฑนากรผู้ออกแบบ วิศวกรที่ทำแบบเพื่อยื่นอนุมัติกับฝ่ายตึกอาคาร ผู้ควบคุมงานประจำไซต์งาน ทีมงานช่างในการตกแต่งก่อสร้าง พื้น ฝ้าเพดาน ผนัง กระจก เฟอร์นิเจอร์ บิ้วอิน และติดตั้งงานระบบครบวงจร เช่นงานไฟฟ้า ประปา แอร์ สายแลน โทรศัพท์ ระบบดับเพลิงอาคาร
ออฟฟิศเปรียบเสมือนบ้านอีกหลัง ที่พนักงาน และบุคลากรในองค์กรจะใช้เวลาหลายชั่วโมงต่อวัน อยู่ที่สำนักงาน เพื่อให้การทำงานรู้สึกผ่อนคลาย การออกแบบตกแต่งภายใน จึงสามารถเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาจากสภาวะความเคลียด ที่ทำให้เกิดความเบื่อหน่าย ทั้งยังสามารถสร้างแรงกระตุ้น บรรยากาศ สภาพแวดล้อม ให้กับพนักงานอยากที่จะทำงานได้ โดยใช้หลักการ และทฤษฎีการออกแบบเข้ามาช่วยในการตกแต่งภายใน
1.อาคาร ตึกสูง (building)
2.อาคารพาณิชย์
3.ออฟฟิศขนาดเล็ก (home office)
4.สำนักงานพื้นที่ให้เช่า
การออกแบบตกแต่ง รีโนเวท ออฟฟิศ ช่วยสามารถจัดฟังก์ชันการใช้งาน ให้เหมาะสมกับแต่ละแผนก ที่มีหน้าทีในการทำงานที่แตกต่างกันได้อย่างเหมาะสม ในปัจจุบันที่ค่าเช่าพื้นที่ออฟฟิศไม่ว่าขนาดเล็ก หรือขนาดใหญ่ ตึกสูง อาคารพาณิชย์ หรือพื้นที่ให้เช่าทำสำนักงาน ด้วยราคาต่อตารางเมตรที่แสนแพง ดังนั้นจึงต้องใช้พื้นที่ให้คุ้มกับเงินที่จ่ายไป การออกแบบตกแต่งออฟฟิศจะช่วยทำให้เกิดความคุ้มค่าต่อพื้นที่ใช้สอย ทั้งยังช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดี สร้าง Branding ให้แก่บริษัท และสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ผู้เข้ามาร่วมลงทุน ทำธุรกิจ หรือลูกค้า และบุคคลภายนอกที่เข้ามาติดต่อประสานงานได้
หมายเหตุ : ในกรณีนี้จะใช้ฝ้าเดิม โคมไฟเดิม ของอาคาร
หมายเหตุ : ในกรณีนี้จะใช้ฝ้าเดิม โคมไฟเดิม ของอาคาร
ลูกค้าสามารถใช้พื้นที่จะตกแต่งออฟฟิศทั้งหมด คูณด้วยจำนวนราคา/ตร.ม.ได้
พื้นที่ออฟฟิศ ตารางเมตร x จำนวนเงิน เรทแต่งภายใน = งบประมาณ เบื้องต้นที่จะใช้ตกแต่งออฟฟิศ
ตัวอย่าง : พื้นที่ออฟฟิศ 300 ตารางเมตร ความต้องการตามรายการที่อยากจะตกแต่งออฟฟิศ 20,000 บาท/ตร.ม. จะได้ 300 x 20,000 = 6,000,000 บาท
หมายเหตุ : ราคาดังกล่าวเป็นแนวทางการประเมินราคาเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ใช่ราคาจริงในการคิดราคา ปกติทางเราจะคิดราคาจากรายการที่ทำ ทำเป็นวัสดุต่อตารางเมตร งานแต่ละตัว ต้องนับจำนวนที่ทำแต่ละอย่าง รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในการทำราคาตกแต่งออฟฟิศ เพื่อความชัดเจน และเป็นธรรมกับลูกค้า
ถ้าต้องการราคาที่กำหนดวัสดุ และการใช้งานเอง สามารถเข้าดูได้ที่ ราคาตกแต่งภายใน
สนใจให้เราประเมินราคา
ขอใบเสนอราคาฟรี1.บริเวณต้อนรับ (Reception Area) เทคนิคสร้างความประทับใจเมื่อแรกพบ
2.ห้องประชุม (Meeting Room) สถานที่สนทนา กับการใช้อุปกรณ์ที่ต้องมี
3.ห้องเทรนนิ่ง (Training Room) ห้องกระจายเสียงความรู้ แต่เก็บเสียงยังไง
4.พื้นที่ทำงาน (working Area) ออกแบบอย่างไรให้ได้ประสิทธิภาพการทำงาน
5.ห้องผู้บริหาร (Executive Room) ทำไมต้องบอกความสำเร็จ ด้วยดีไซน์
6.ห้องเซิร์ฟเวอร์ (Server Room) แหล่งรวมข้อมูลสำคัญของบริษัทที่ห้ามพลาด
7.ห้องเตรียมอาหาร (Pantry Room) ทำอย่างไรให้ได้ฟังก์ชั่นโดนใจ
8.ห้องเก็บของ (Storage Room) ออฟฟิศหมดราคาถ้าขาดห้องนี้
การตกแต่งออฟฟิศ บริเวณพื้นที่ต้อนรับ จะเป็นส่วนสำคัญ สามารถสร้าง Branding ที่จะบ่งบอกเอกลักษณ์ของบริษัท ความเป็นตัวตน ไลฟ์สไตล์ของผู้ทำงาน
การออกแบบดีไซน์ สามารถใช้สีของบริษัท มาช่วยในการตกแต่ง หรือจะนำผลิตภัณฑ์ สินค้า มาช่วยในการสร้างภาพลักษณ์แสดงตัวตน เช่น บริษัทเทคโนโลยี ก็จะออกแบบดีไซน์ให้ทันสมัย ใช้แสงไฟจาก LED มาช่วยในการตกแต่ง หรือ บริษัท อาหารสัตว์ อาจจะนำเอารูปทรงของสัตว์ มาเป็นเส้นสายในการออกแบบ เพื่อให้เข้าถึงผลิตภัณฑ์ และรู้สึกเป็นมิตรกับสัตว์ สิ่งมีชีวิต เป็นต้น
วัสดุที่ใช้งาน ในส่วนนี้ไม่มีข้อจำกัด ขึ้นอยู่กับงบประมาณ และความต้องการเป็นหลัก ถ้าต้องการสไตล์หรูหรา (luxury style) ก็อาจจะใช้กระจกพิเศษ หรือสแตนเลส หิน มาช่วยเพื่อเพิ่มมูลค่า หรือถ้าแบบธรรมดา ก็อาจจะใช้ลามิเนต (laminate) มาตกแต่งก็ได้เช่นกัน
1.เคาเตอร์ต้อนรับ (Reception Counter) เป็นส่วนที่ให้บุคคลภายนอกเข้ามาติดต่อบ่อยครั้ง วัสดุที่ใช้ทำท็อปเคาเตอร์ ต้องทนต่อรอยขีดข่วนได้ดี อาจจะใช้หิน ลามิเนตแต่ต้องมีคิ้วกันกระแทกที่ขอบเพื่อป้องกันการแตกในระยะยาว หรือจะใช้หินสังเคราะห์ (Acrylic Solid Surface) ถ้าเป็นรอยก็สามารถขัดให้รอยหาย และใหม่เหมือนเดิมได้ และวัสดุอื่นๆ อีกหลากหลาย ส่วนความสูงของเคาเตอร์ ที่เป็น 2 สเต็ป ด้านหน้าสำหรับลูกค้า จะใช้ความสูงที่ 110 เซนติเมตร ส่วนด้านหลังในสวนพนักงานนั่งทำงาน จะสูงที่ 75 เชนติเมตร
2.พื้นที่นั่งคอย (Waiting Area) เป็นพื้นที่สำหรับให้บุคคลภายนอกนั่งรอระหว่างติดต่อ อาจจะใช้เป็นเก้าอี้ที่สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย กรณีเมสเซนเจอร์มาส่งเอกสาร เพราะการขับมอเตอร์ไซต์มา อาจจะมีมีฝุ่นติดตัวมาบ้าง หรือจะใช้โซฟา และโต๊ะกลางขนาดเล็ก สำหรับเจ้าหน้าที่ หรือผู้บริหารจากบริษัทอื่นเข้ามาติดต่อ ในส่วนนี้ยังเป็นพื้นที่พูดคุยเบื้องต้นก่อนที่จะเข้าห้องประชุมได้
3. ชั้นวาง หรือตู้โชว์แสดงค้า จะทำเป็นตู้ไม้ ชั้นวางลอยติดผนัง หรือจะเป็นใช้กระจกก็ได้ ถ้าต้องการให้วัตถุที่วางโชว์ชัดเจนขึ้น ก็สามารถเพิ่มไฟ LED ซ่อนอยู่บนชั้น เพื่อให้แสงไฟส่อง สว่างชัดเจนขึ้น กรณีตู้โชว์หรือชั้นวางในส่วนนี้จะมี หรือไม่มีก็ได้ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ และความต้องการ
ห้องประชุม คือ ห้องที่บุคคลากรภายในออฟฟิศ หรือบุคคลภายนอก ที่จะเข้ามาใช้เพื่อแสดงความคิดเห็น ข้อปฏิบัติในการทำงาน ทำธุรกิจ และเรื่องอื่นๆ ดังนั้นห้องประชุมจะต้องรองรับการใช้งานให้สอดคล้องกับการประชุมได้อย่างเหมาะสม และลงตัว
การออกแบบห้องประชุม ต้องเช็คขนาดของห้อง ให้เหมาะสมกับขนาดของโต๊ะประชุม เพื่อที่จะสามารถรองรับผู้เข้าประชุมได้กี่คน ระยะการจัดวางเก้าอี้ ระยะห่างของแต่ละคน ก็ไม่ควรต่ำกว่า 80 เซนติเมตร เพื่อความคล่องตัว รูปแบบดีไซน์ที่สวยงาม หรือจะเน้นแบบมินิมอล เรียบๆ แต่เน้นใช้งาน บางที่ก็จะทำชั้นวาง เพื่อแสดงสินค้า ใบประกาศนียบัตร รางวัลต่างๆ เพื่อให้บุคคลภายนอกที่เข้ามานั่งรอได้ชม ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการ
วัสดุที่ใช้งาน ก็จะต้องเน้นวัสดุที่ช่วยป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกเข้ามา เพื่อให้ผู้ที่อยู่ในห้องจะได้มีสมาธิในการประชุม เช่น บุผ้า แผ่นตกแต่ง 3 มิติ ใส่ฉนวนกันเสียง เป็นต้น
ห้องประชุมทั่วไปในสำนักงาน มีเพียงโต๊ะ กับ เก้าอี้ ก็สามารถประชุมได้ แต่ถ้าต้องการฟังก์ชันการใช้งานที่มากกว่านั้น ก็จะมีอุปกรณ์ซับพอร์ต เพื่อให้การประชุมสะดวก สบายขึ้น
1.โปรเจคเตอร์ สำหรับพรีเซนต์ ข้อดี คือมีขนาดใหญ่ ม้วนเก็บได้ ข้อเสีย ความคมชัดน้อย ต้องปิดไฟขณะเปิด ทำให้เวลาจดบันทึกข้อความลงในกระดาษไม่ค่อยเห็น
2.สมาร์ททีวี สำหรับพรีเซนต์ ข้อดี มีความคมชัดสูง ภาพ แสง สี สวยงาม ข้อเสีย ต้องติดตั้งถาวร ตำแหน่งติดตั้งทีวี ถ้าติดหน้าห้อง ก็อาจจะต้องย้ายกระดานไวท์บอร์ดไปไว้ด้านข้าง หรือด้านหลังแทน ทำให้ไม่สะดวกในการเขียน เพื่อให้ผู้เข้าประชุมดู
3.Apple Air Play เป็นอุปกรณ์ที่ไว้สำหรับสตรีมวิดีโอ หรือ สะท้อนหน้าจอ ของอุปกรณ์ที่เป็นสินค้าของ apple ข้อดี สามารถต่อเข้ากับสมาร์ททีวี โดยไม่ต้องเสียบสายกับอุปกรณ์ของผู้พรีเซนต์ ข้อเสีย ใช้งานกับผู้ใช้เครื่องระบบปฏิบัติการ Android ไม่ได้
1.สาย HDMI สำหรับเสียบเข้ากับอุปกรณ์แสดงผล ข้อดี ภาพคมชัด มีสัญญาณภาพ และเสียง ข้อเสีย ใช้งานบ่อยหัวอาจจะหลวม สายหักใน (กรณีนี้เป็นได้ยากมาก)
2.สาย VGA สำหรับเสียบเข้ากับอุปกรณ์แสดงผล แต่ปัจจุบันไม่ค่อยนิยม เพราะเป็นเทคโนยีที่เก่า ห้องประชุมบางที่ก็จะมีติดไว้ เพื่ออุปกรณ์ของบุคคลภายนอกเข้ามาใช้ให้ประชุมเป็นคอมพิวเตอร์แบบเก่า และไม่มี HDMI
3.สาย Lan ใช้กรณีที่ต้องการความเสถียรของอินเตอร์เน็ต สามารถให้บุคคลภายนอกเสียบใช้กับคอมพิวเตอร์โน๊ตบุค หรือ macbook ได้ โดยไม่ต้องให้รหัส wifi
4.ปลักซ์ไฟ ที่โต๊ะ เพื่อที่จะได้สะดวกไม่ต้องไปเสียบปลักซ์ไฟที่ผนัง และยังป้องกันเก้าอี้ประชุมเลื่อนไปโดนสายไฟได้
1.ลำโพง ใช้กับห้องประชุมขนาดใหญ่ เพื่อให้ได้ยินเสียงที่ดัง ชัดเจนขึ้น
2.ไมโครโฟน สำหรับพูดขยายเสียง
3.เครื่องขยายเสียง ใช้กับลำโพง และไมโครโฟน
4.รีโมท พรีเซนต์ ไร้สาย ที่เป็นทั้งไฟเลเซอร์ และกดเลื่อนหน้าข้อมูล
ห้องเทรนนิ่ง (Training Room) หรือ ห้องซ้อม เป็นห้องสำหรับให้ทีมงานของบริษัท เข้ามาเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ หรือทบทวนเรื่องความรู้เดิม เพื่อที่จะต่อยอดในการทำงานต่อไป
การออกแบบตกแต่งภายในห้อง จะเน้นความสวยงาม หรือจะดีไซน์ออกมาแบบธรรมดาแต่เน้นฟังก์ชันการใช้งานก็ได้ เพราะวัตถุประสงค์หลักของห้องคือเพื่อการสื่อสาร เรียนรู้ บางองค์กรที่มีการทดลองปฏิบัติด้วย ก็จะออกแบบให้มีโต๊ะปฏิบัติการ เพื่อให้การทำงานสอดคล้องกับอุปกรณ์ที่จะให้ทดลอง
วัสดุที่ใช้งาน เนื่องจากห้องนี้มีการเรียน การสอน กับบุคลากรหลายคน จะต้องใช้เครื่องขยายเสียงที่ดัง ดังนั้นวัสดุที่จะใช้ทำผนัง หรือฝ้า ต้องเป็นวัสดุที่สามารถดูดซับเสียง และลดเสียงสะท้อนได้ เช่น ฝ้าอะคลูติก ผนังตกแต่งภายใน 3 มิติ (3D board) ผนังกรุฟองน้ำบุผ้า เป็นต้น
1.โต๊ะเลคเชอร์ จะเป็นทั้งโต๊ะ และเก้าอี้ในตัว สามารถวางเขียนได้ ช่วยให้ประหยัดพื้นที่ และเพิ่มคนได้มากขึ้น
2.โต๊ะเรียน กรณีที่ไม่ใช้โต๊ะแลคเชอร์ ก็ใช้โต๊ะเรียนทั่วไป ถ้าเป็นแบบพับขาเก็บได้ก็จะสะดวกใจการจัดเก็บ และสามารถนำพื้นที่ห้องเทรนนิ่ง ไปใช้เพื่อจัดกิจกรรมอื่นได้
3.โต๊ะปฏิบัติการ ในส่วนนี้ขึ้นอยู่กับหัวข้อที่เรียน และผลิตภัณฑ์ที่จะทดลองปฏิบัติ ถ้าไม่จำเป็น ไม่มีก็ได้
4.เก้าอี้ เป็นเก้าอี้ทั่วไป หรือแบบชนิดพับเก็บได้ก็ดี
5.เวที ด้านหน้าห้องควรจะมีเวที สูงประมาณ 30-40 เซนติเมตร เพื่อให้ผู้เรียนสามารถเห็นผู้สอนได้ชัดเจนขึ้น
ในส่วนอุปกรณ์อำนวยความสะดวก จอแสดงผล เครื่องขยายเสียง ก็ใช้คล้ายๆ กับอุปกรณ์ที่ใช้ในห้องประชุม
พื้นที่ทำงาน ภายในสำนักงาน โดยปรกติแล้วบริเวณทำงาน จะใช้พื้นที่ตรงนี้ตลอดทั้งวัน ต่างจากห้องอื่นๆ ที่ต้องเปิดใช้งานบ้าง และปิดกรณีไม่มีผู้ใช้งาน ด้วยพื้นที่ ที่มีพนักงานอยู่มาก ตรงนี้จะเป็นส่วนที่ใช้ความคิด ของแต่ละคน เพื่อวัตถุประสงค์ และเป้าหมายขององค์กร
การออกแบบพื้นที่ทำงาน เนื่องเป็นพื้นที่ส่วนกลาง จะต้องคำนึงเรื่องความสะดวก กรณีพื้นที่น้อยในการออกแบบทางเดินอย่างน้อยไม่ควรต่ำกว่า 80 เซนติเมตรปกติคนเราจะใช้ทางเดินที่เล็กที่สุด และพอที่จะสะดวกหน่อยกว้างประมาณ 60 เซนติเมตร ในส่วนออฟฟิศ จะต้องทำทางเดินเผื่อยกของ ถือเอกสาร ถ้ามีพื้นที่เหลือทางเดินใหญ่กว่านี้ก็จะดี กรณีจัดวางโต๊ะทำงานหันหลังชนกัน ระยะระหว่างโต๊ะถึงโต๊ะ ไม่ควรต่ำกว่า 180 เซนติเมตร ซึ่งตรงนี้จะต้องวางเก้าอี้ และเผื่อให้คนที่นั่งอยู่ข้างในสามารถเดินออกมาได้
วัสดุที่ใช้งาน สามารถใช้ได้หลากหลายตามความต้องการ แต่สิ่งที่จะต้องคำนึงบริเวณนี้ ก็คือเรื่องแสงสว่างให้เพียงพอในการทำงาน ชนิดหลอดไฟ ควรจะเป็นแสง Daylight หรือ Cool White เพื่อให้เกิดการกระตุ้นสายตา มองภาพที่อยู่โต๊ะทำงานได้สบายตา ไม่แนะนำให้ใช้แสง Worm White เพราะแสงวอร์ม จะทำให้เกิดอาการง่วงนอน และถ้าทำงานเกี่ยวกับสี ก็จะทำให้มองสีผิดเพี้ยนได้
1.โต๊ะทำงาน ขนาดที่ต้องใช้ขึ้นอยู่กับการทำงานของแต่ละแผนก เช่น พนักงานบัญชี อาจจะใช้โต๊ะขนาด 150×75 เซนติเมตร เนื่องจากทำงานเอกสารที่ค่อนข้างแยะ และต้องวางคอมพิวเตอร์ พนักงานเซลล์ อาจจะใช้โต๊ะขนาดเล็ก ประมาณ 80×60 เซนติเมตร เป็นที่ทำงานชั่วคราว เพราะปกติเชลล์จะทำงานข้างนอก ไปพบลูกค้า กรณีพนักงานทั่วไป ใช้โต๊ะขนาด 120×60 เซนติเมตร กำลังดี สามารถมีลิ้นชักเก็บของใต้โต๊ะได้ ทั้งนี้ที่ว่ามา ความสูงของโต๊ะทำงานมาตรฐาน จะสูง 73-75 เซนติเมตร
2.เก้าอี้ทำงาน แนะนำให้เป็นเก้าอี้แบบมีล้อ และมีที่วางแขวน ที่นั่ง และพนักพิงแบบนิ่ม ถ้าคำนึ่งเรื่องการนั่งเป็นเวลานาน หรือโรค ออฟฟิศซินโดรม ปัจจุบันนี้จะมีเก้าอี้เพื่อสุขภาพ ที่สามารถปรับระดับความสูง สไลด์เบาะนั่ง เลื่อนที่วางแขน ปรับพนักพิงที่รองรับกระดูกสันหลัง และเลื่อนที่รองคอได้ แต่ราคาก็จะสูงกว่าเก้าอี้ทำงานทั่วไปประมาณ 2 เท่าตัวขึ้นไป
3.ตู้เก็บเอกสาร ออฟฟิศที่ดีควรจะมีตู้เก็บเอกสารของแต่ละคน เพราะลงทุนตกแต่งออฟฟิศให้สวยงามแล้ว ถ้ามีเอกสารวางรกรุงรัง มองแล้วไม่สบายตาคงไม่ดีแน่
1.สาย Lan ใช้กรณีที่ต้องการความเสถียรของอินเตอร์เน็ต แต่ถ้าอยากประหยัด และไม่ยุ่งยากในการเดินสาย ก็จะใช้ wifi access point เป็นตัวกระจายสัญญาณอินเตอร์เนต ข้อดี สามารถต่อได้รวดเร็ว ข้อเสีย ถ้าใช้งานมากอาจจะหลุดบ่อย วิธีแก้อาจจะต้องเพิ่มจุด
2.สายโทรศัพท์ ปัจจุบันนี้ มีการใช้โทรศัพท์ตั้งโต๊ะค่อยข้างน้อย แต่ก็ควรมี จุดวางโทรศัพท์สามารถตั้งตั้งเป็นกลุ่มของพนักงานที่อยู่ใกล้กันได้ เพื่อที่จะประหยัด และลดค่าใช้จ่ายในการเดินสาย
3.ปลักซ์ไฟ ที่โต๊ะทำงานอย่างน้อยควรมี 2 รู กรณีใช้โน๊ตบุคทำงาน จะให้ดีควรมี 4 รู ถ้าใช้คอมพิวเตอร์ PC เพราะตัวเครื่อง CPU และ จอภาพ จะให้ปลักซ์ 2 รู และเหลือ 2 รู ไว้สแตนด์บายรองรับอุปกรณ์ชาร์จมือถือ และอื่นๆ การติดปลักซ์ที่โต๊ะ ยังสะดวกไม่ต้องต่อปลักซ์พ่วงไปเสียบปลักซ์ไฟที่ผนัง และยังป้องกันการเดินเหยียบ เตะ สายไฟ ทำให้คอมพิวเตอร์ดับขณะทำงานได้
ห้องผู้บริหาร เป็นห้องทำงานส่วนตัว ที่ต้องออกแบบให้หรูหรา มีระดับมากกว่าห้องทำงานอื่น ห้องทำงานของผู้บริหารไม่ใช่แค่เป็นห้องออกค่ำสั่งเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นสถานที่คิดไอเดีย นโยบาย แผนงาน เพื่อที่จะต่อยอดในการดำเนินธุรกิจให้เติบโต ก้าวหน้าต่อไป
การออกแบบตกแต่งภายในห้องผู้บริหาร จะให้ความสำคัญกับเรื่องขนาดของเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้งานให้มีขนาดใหญ่ ควรจะมีที่เก็บของหรือที่เก็บเอกสารส่วนตัว สามารถทำเป็นตู้บิ้วอิน พร้อมชั้นวางสำหรับโชว์ความสำเร็จ ถ้าเป็นห้องผู้บริหารขนาดใหญ่ก็ควรจะมีชุดโต๊ะ โซฟา สำหรับพูดคุยผ่อนคลายกับบุคคลที่เข้ามาพบ ในการจัดวางโต๊ะ และตำแหน่งห้อง ถ้าเป็นตึกสูง ควรจะเป็นพื้นที่ติดหน้าต่างกระจกบานใหญ่ เพื่อที่จะได้มองเห็นวิวได้ไกล ในส่วนนี้ต้องคำนึงเรื่องทิศทางแสงแดด เพื่อไม่ให้ห้องร้อน และแสงแดดเข้าถึงโต๊ะทำงาน
วัสดุที่ใช้งาน สามารถใช้ได้หลากหลาย แต่จะต้องเน้นวัสดุที่มีคุณภาพ คงทน และดูดีเป็นพิเศษ วัสดุหลายๆ อย่างสามารถทำให้สวยงามได้ ก็ต้องอาศัยการออกแบบให้สอดคล้องกัน
1.โต๊ะทำงาน ควรจะมีขนาดไม่ต่ำกว่า 170×75 เซนติเมตร จะเป็นลายไม้ หรือท็อปกระจก ก็ขึ้นอยู่ความชอบของผู้ใช้งาน
2.เก้าอี้ทำงาน จะเป็นเก้าอี้เพื่อสุขภาพ ที่มีฟังก์ชันรองรับสรีระร่างกาย หรือจะเป็นเก้าอี้หนังตัวใหญ่ สามารถเอนหลังได้ มีพนักพิงสูงถึงหัว
3.เก้าอี้ผู้มาติดต่อ เก้าอี้นี้จะวางอยู่หน้าโต๊ะผู้บริหาร จะเป็นเก้าอี้มีล้อก็ได้ แต่ถ้าให้แนะนำ ควรเป็นแบบเก้าอี้ไม่มีล้อ เพื่อที่คนเข้ามาลุกออก จะได้ดูเป็นระเบียบ
4.ตู้เก็บเอกสาร จะมีหรือไม่ก็ได้ เพราะห้องผู้บริหารส่วนใหญ่จะมีตู้บิ้วอินขนาดใหญ่สำหรับเก็บของไว้อยู่แล้ว
ในส่วนสายสัญญาณ และไฟฟ้า ใช้เหมือนกันห้องทำงานทั่วไป
ห้องเซิร์ฟเวอร์ เป็นห้องสำหรับเก็บข้อมูลสำคัญขององค์กร ส่วนใหญ่เครื่อง Server จะเปิดทำงานตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้สามารถเข้าถึงข้อมูลในการทำงานจากภายนอกบริษัทได้
การออกแบบห้องเซิร์ฟเวอร์ จะไม่เน้นความสวยงาม แต่จะเน้นความเรียบร้อยในการจัดเก็บสายสัญญาณต่างๆ ที่มีจำนวนมากและรกรุงรัง บางทีจะทำการยกพื้นให้สูงขึ้น (raised floor) แล้วนำสายต่างๆ ที่มาจากห้องอื่นๆ เก็บไว้ที่พื้นแล้วโผล่ปลายสายขึ้นมาที่ตัวเครื่อง Server ส่วนระบบดับเพลิงจะไม่ใช้น้ำจากหัวสปริงเกอร์ เพราะจะทำให้อุปกรณ์และข้อมูลเสียหาย แต่จะใช้เป็นระบบดับเพลิงแบบเคมี ในห้อง Server ควรจะติดระบบทำความเย็นแอร์ ให้สามารถเปิดได้ 24 ชั่วโมง หรือจะติดแอร์ 2 เครื่อง เพื่อที่จะเปิดสลับการทำงานในช่วงเวลากลางวัน และกลางคืน
วัสดุที่ใช้งาน จะใช้วัสดุไม่ลามไฟ เพื่อป้องกันไฟใหม้ ในกรณีฉุกเฉิน ประตูหน้าห้องควรจะมีช่องกระจก ที่สามารถมองเห็นจากภายนอกเข้ามาข้างในได้ จะได้สามารถมองเห็นไฟสถานะบนเครื่อง
ห้องเตรียมอาหาร นอกจากมีโต๊ะไว้สำหรับให้พนักงานรับประทานอาหารช่วงกลางวันแล้ว ห้องนี้ยังเป็นห้องดื่มน้ำ ชงกาแฟ และยังเป็นสถานที่พูดคุยผ่อนคลายสำหรับพนักงาน
การออกแบบตกแต่งภายในห้องนี้ จะต้องมีเคาเตอร์สำหรับเตรียมอาหาร หรือชงกาแฟ ถ้าต้องการประหยัดพื้นที่เคาเตอร์ก็สามารถออกแบบเจาะเคาเตอร์ทำชั้นวางไมโครเวฟฝั่งในเคาเตอร์ได้ ในส่วนของซิงค์ล้างจาน จะมีข้อจำกัดในบางพื้นที่ กรณีตึกสูง บางที่ทางอาคารจะจัดเตรียมท่อน้ำทิ้งไว้ให้ เราก็สามารถไปต่อได้เลย แต่บางที่ไม่มี หรือออกแบบจัดวางเลเอาท์ที่ต่างจากตำแหน่งที่อาคารให้มา ในส่วนนี้ก็ต้องเป็น Pantry แบบแห้งไม่มีซิงค์ล้างจาน ถ้าต้องการที่เก็บของเพิ่มก็สามารถทำตู้เก็บของแขวนติดผนังได้ ห้อง Pantry ไม่ใช่แค่เตรียมอาหารเท่านั้น ยังสามารถเป็นห้องรับประทานอาหาร ถ้าพื้นที่ใหญ่สามารถทำเป็นห้อง Relax ผ่อนคลายช่วงพักเที่ยงได้ไปในตัว
วัสดุที่ใช้งาน จะเน้นเฉพาะ Pantry แบบเปียก ที่ต้องทำเฟอร์นิเจอร์บิ้วอินที่ใช้วัสดุทนน้ำ ส่วนวัสดุตกแต่งอื่นๆ สามารถใช้ได้ทั่วไป เครื่องใช้ไฟฟ้าห้องนี้ ได้แก่ ตู้เย็น ตู้กดน้ำดื่ม เครื่องชงกาแฟ ไมโครเวฟ เครื่องปิ้งขนมปัง เป็นต้น
ห้องเก็บของ เป็นห้องสำคัญห้องหนึ่ง ที่จะทำให้ออฟฟิศสวยงาม ไม่ดีแน่ถ้าลงทุนตกแต่งออฟฟิศซะแพง แต่ใช้งานจริงกับรกรุงรัง ใช่ว่าเราจะตกแต่งห้องเก็บของ แต่ประโยชน์ของห้องนี้คือสามารถ จัดเก็บของที่ไม่ค่อยได้ใช้ ไม่ให้ไปเกะกะบริเวณตกแต่ง ทั้งยังสร้างภาพลักษณ์บริเวณพื้นที่โดยรวม
การออกแบบห้องเก็บของจะไม่มีอะไรมาก สามารถทำเป็นห้องป่าวๆ ได้เลย หรือจะจัดทำชั้นวางของ ในแนวตั้งเพื่อที่จะเก็บของได้มากขึ้น บางสำนักงาน ใช้ห้องนี้เป็นพื้นที่เก็บเอกสาร โดยใช้ตู้เก็บเอกสารแบบรางเลื่อนเพื่อประหยัดพื้นที่ เนื่องจากตู้เก็บเอกสาร น้ำหนักของตู้ค่อนข้างมาก จะต้องให้วิศวกรคำนวณ แชร์พื้นที่รับน้ำหนัก เพื่อที่จะรองรับตู้เอกสารรางเลื่อนได้
วัสดุที่ใช้งาน สามารถทำเป็นผนังเบายิปซัมทาสี หรือเป็นห้องก่ออิฐฉาบปูนได้เลย
การออกแบบตกแต่งภายในออฟฟิศ รีโนเวท เพื่อความสวยงาม และฟังก์ชั่นการใช้งานของแต่ละบริษัท แนะนำให้ท่านหามืออาชีพ เพื่อมาช่วยจัดการ ในเรื่องการออกแบบ เพราะนอกภาพเรื่องภาพลักษณ์ ก็ยังมีเรื่องงานระบบต่างๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น ระบบไฟฟ้า ระบบดับเพลิง และระบบเน็ตเวิร์ค ถ้าท่านได้ผู้มีประสบการณ์ ก็จะทำให้ออฟฟิศของท่านตอบโจทย์เรื่องความสวยงาม และการใช้งาน หากท่านมีความประสงค์ ทางเรามีความยินดี รับออกแบบตกแต่งออฟฟิศ เพื่อให้ออฟฟิศท่านตกแต่งได้อย่างลงตัว ต้องการมืออาชีพออกแบบตกแต่งออฟฟิศ (office design) เรายินดีให้บริการเสนอ ราคาค่าออกแบบตกแต่งภายใน