หากใครที่กำลังอยากสร้างบ้าน หรืออยากรีโนเวท เปลี่ยนบรรยากาศของบ้านให้ดูดี ทันสมัย แต่ประสบปัญหาว่า วิธีเลือกกระเบื้อง แบบไหนดี ไม่รู้ว่ากระเบื้องมีกี่ประเภท แต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร เหมาะกับการใช้งานประเภทไหน ซึ่งถ้าหากคุณเลือกกระเบื้องผิดประเภทมาใช้งานอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ หรืออาจจะต้องรื้อปูใหม่ ทำให้คุณเสียทั้งเงินเสียทั้งเวลาอีกด้วย
วันนี้ทางเรามีข้อมูลมาฝากคุณ เพื่อให้คุณเลือกกระเบื้องได้อย่างถูกต้อง ตรงใจ และเหมาะสมกับการใช้งาน ไปดูกันเลย
วิธีเลือกกระเบื้อง ตามหัวข้อนี้
1.กระเบื้องดินเผา (clay tile)
กระเบื้องดินเผานั้นเป็นกระเบื้องที่มีการนำมาใช้งานยาวนานมากที่สุด ตั้งแต่โบราณมาจนถึงยุคปัจจุบัน มีรูปแบบคลาสสิค ให้ความรู้สึกอบอุ่น เป็นธรรมชาติ เนื้อกระเบื้องทำมาจากดินเหนียวนำมาขึ้นรูปและเผาด้วยความร้อนจนเกิดความแข็งตัวมีทั้งแบบเคลือบเงาและไม่เคลือบเงา เหมาะสำหรับนำไปปูพื้น ผนัง และบริเวณที่ไม่โดนน้ำจะช่วยยืดอายุการใช้งานได้นานยิ่งขึ้น
ข้อดี
- ราคาถูก
- ระบายความร้อนได้ดี
- ช่วยทำให้ตัวบ้านเย็นขึ้น
ข้อเสีย
- ผุกร่อนง่าย ไม่ทนทาน
- สกปรกง่าย
- ทำความสะอาดยาก
2.กระเบื้องเซรามิค (ceramic tile)
กระเบื้องเซรามิคนั้นก็คือกระเบื้องดินเผาที่ผ่านการเผาอย่างน้อย 1-2 ครั้ง แล้วนำมาขึ้นรูปมีทั้งแบบเคลือบและไม่เคลือบ ซึ่งการเคลือบผิวก็เพื่อให้เกิดลวดลายสวยงาม มีความหลากหลายของลวดลายให้เลือกมากที่สุด มีทั้งแบบปูพื้นและผนัง ดังนั้นก่อนที่จะทำการซื้อควรดูรายละเอียดให้ดี หากซื้อมาผิดประเภทก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาตามมาได้
ข้อดี
- มีลวดลายให้เลือกหลากหลาย
- ราคาไม่สูงมาก
- แข็งแรง ทนทาน
ข้อเสีย
- ไม่ทนต่อการขีดข่วน
- แบบเคลือบมีอัตราซึมน้ำสูง เมื่อโดนน้ำแล้วกระเบื้องจะลื่น ไม่เหมาะกับพื้นในห้องน้ำ
*หากต้องการปูพื้นห้องน้ำควรเลือกแบบไม่เคลือบ
3.กระเบื้องโมเสค (mosaic tiles)
กระเบื้องโมเสคเป็นกระเบื้องที่มีลักษณะเป็นชิ้นเล็ก ๆ นำมาเรียงต่อกัน สามารถใช้งานได้หลายรูปแบบ มีสีสันสวยงาม แข็งแรง มันวาว เนื้อกระเบื้องทำมาจากหิน แก้ว หรือเซรามิค นิยมนำไปปูตกแต่ง เช่น พื้นที่โค้งมน พื้นหรือผนังห้องน้ำ ซุ้มประตู เป็นต้น ไม่ไม่เหมาะสำหรับนำไปใช้ในพื้นที่กว้าง ๆ เพราะต้องใช้กระเบื้องเป็นจำนวนมาก อาจจะทำให้เปลืองค่าใช้จ่าย และเนื่องจากกระเบื้องโมเสคมีคุณสมบัติในการดูดซึมน้ำต่ำ และมีร่องเป็นจำนวนมากช่วยในการไหลของน้ำทำให้น้ำไหลผ่านได้ดี จึงนิยมนำไปปูพื้นสระว่ายน้ำอีกด้วย
ข้อดี
- สีสันสวยงาม
- สีไม่ซีดง่าย
- กันน้ำและระบายน้ำได้ดี
ข้อเสีย
- ราคาสูง
- ทำความสะอาดยาก เนื่องจากมีร่องเยอะ
- ไม่เหมาะกับการใช้ในพื้นที่ที่กว้าง
4.กระเบื้องแก้ว (glass tile)
กระเบื้องแก้วเป็นกระเบื้องที่ทำมาจากการน้ำชิ้นแก้วมาขึ้นรูปเป็นแผ่น หรือทำจากการนำกระเบื้องโมเสคไปเคลือบแก้ว เนื้อกระเบื้องมีความใส มันวาว โปร่งแสง มีลวดลายสวยงามทนทานกว่ากระเบื้องชนิดอื่น ๆ เหมาะกับการปูผนัง หรือปูพื้นที่แคบ ไม่เหมาะกับการปูทางเดิน หรือพื้นบ้าน
ข้อดี
- ไม่อมความชื้น
- มีลวดลายให้เลือกหลากหลาก
- สีสันและลวดลายทนทาน
ข้อเสีย
- ราคาสูง
- ติดตั้งยาก เนื่องจากชิ้นกระเบื้องค่อนข้างเล็ก
- รองรับน้ำหนักได้น้อย
- ความแข็งแรงทนทานต่ำ แตกง่าย
5.กระเบื้องแกรนิตโต้ (Granite Tiles)
กระเบื้องแกรนิตโต้ คือกระเบื้องเซรามิคที่มีการผสมกับผงหินแกรนิตนำมาอัดขึ้นรูปและเผาด้วยความร้อนสูง จึงทำให้กระเบื้องมีความทนทาน เทียบเท่าหินแกรนิต มีลวดลายให้เลือกมากมาย มีทั้งแบบผิวด้าน ผิวเงา ผิวกึ่งเงา และเป็นกระเบื้องที่เป็นเนื้อเดียวกันทั้งแผ่นและไม่ผ่านการเคลือบสี สามารถใช้ปูได้ทั้งพื้นและผนัง ใช้ได้ทั้งภายในภายนอกและใช้ได้ทั้งพื้นที่เปียกและพื้นที่แห้ง
ข้อดี
- แข็งแรง ทนทาน รับน้ำหนักได้ดี
- ติดตั้งง่าย
- ราคาถูก
- ทนความชื้น
- ทำความสะอาดง่าย
ข้อเสีย
- เมื่อรื้อออกแล้วไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้
- ไม่เหมาะกับการนำไปใช้ในห้องผู้สูงอายุ เนื่องจากผิวของกระเบื้องมีความเย็น
6.กระเบื้องพอร์ซเลน (porcelain tile)
กระเบื้องพอร์ซเลนเป็นกระเบื้องเซรามิคที่มีส่วนผสมของดินพอร์ซเลนที่เป็นกลุ่มดินขาว และแร่ต่าง ๆ จากนั้นนำไปเผาด้วยอุณหภูมิสูง ทำให้ได้กระเบื้องที่เป็นเนื้อเดียวกัน มีความแข็งแรงทนทาน ทำความสะอาดง่าย สามารถเคลือบผิวและลวดลายได้ทำให้มีสีสันและลวดลายให้เลือกหลากหลาย และสามารใช้ได้ทั้งพื้นและผนัง อัตราการดูดซึมน้ำต่ำจึงใช้ทั้งพื้นที่เปียกและพื้นที่แห้ง และครอบคลุมการใช้งานทั้งภายในภายนอก
ข้อดี
- มีความแข็งแรงทนทานสูง
- ทำความสะอาดง่าย
- ไม่ค่อยเกิดปัญหาตะไคร่น้ำเกาะติด
- มีสีสันและขนาดหลากหลายให้เลือก
ข้อเสีย
- แพงกว่ากระเบื้องเซรามิคธรรมดา
- กระบวนการติดตั้งยากกว่า
7.กระเบื้องหินอ่อน (marble tile)
กระเบื้องหินอ่อน เป็นกระเบื้องที่เกิดจากธรรมชาติ มีเนื้อแข็ง มีความแข็งแรงทนทาน ให้ความรู้สึกสวยงามหรูหรา มีระดับ เป็นกระเบื้องที่มีความสวยงามเข้าได้กับทุกยุคทุกสมัย พื้นผิวของกระเบื้องมีความเย็นช่วยให้บ้านเย็นสบายมากขึ้น มีทั้งแบบใช้สำหรับปูพื้นและสำหรับปูผนัง
ข้อดี
- แข็งแรง ทนทาน รับน้ำหนักได้ดี
- พื้นผิวเย็น ช่วยให้บ้านเย็นสบาย
- มีความสวยงามทันสมัย เข้าได้กับการตกแต่งหลากหลายสไตล์
ข้อเสีย
- ราคาสูง
- ไม่ทนความชื้น
- เกิดรอยขีดข่วนได้ง่าย
- น้ำหนักเยอะ
- วิธีดูแลรักษาค่อนข้างยาก
- ไม่ทนต่อความเป็นกรดและด่าง
8.กระเบื้องยาง (rubber tile)
กระเบื้องยางเป็นกระเบื้องที่ผลิตจากยางธรรมชาติ หรือพอลิเมอร์ กระเบื้องมีความเหนียว ยืดหยุ่นและมีแรงหนืดมากทำให้พื้นกระเบื้องไม่ลื่น สามารถรองรับแรงกระแทกได้ดี กันน้ำ กันปลวก ทนต่อรอยขีดข่วน ส่วนใหญ่ใช้สำหรับปูพื้นทางเดิน ห้องต่าง ๆ มีทั้งแบบสำหรับใช้ภายในและภายนอก และสามารถนำไปใช้กับผนังได้แต่ไม่นิยม
ข้อดี
- ราคาถูก
- ติดตั้งง่าย
- รองรับแรงกระแทกได้ดี เหมาะสำหรับบ้านที่มีเด็ก หรือผู้สูงอายุ
- ทำความสะอาดง่าย
ข้อเสีย
- หากผ่านการใช้งานเป็นเวลานาน อาจเกิดรอยขีดข่วน สีหรือลวดลายถลอก และเกิดหลุมได้
- อาจเกิดการหดหรือขยายของกระเบื้อง อาจทำให้เห็นร่องรอยต่อชัดเจนหรืออาจทำให้พื้นพองได้
สรุป วิธีเลือกกระเบื้อง
กระเบื้องแต่ละประเภทจุดเด่น ข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน จึงควรพิจารณาเลือกกระเบื้องให้ดี ให้เหมาะสมทั้งในเรื่องของความสวยงาม เรื่องการใช้งาน และเรื่องของราคา เพื่อที่คุณจะได้กระเบื้องที่ถูกใจ ถูกต้อง ตรงกับไลฟ์สไตล์ หมดปัญหาเรื่องความไม่ปลอดภัย หรือรื้อทำใหม่ที่ทำให้เสียทั้งเงินเสียทั้งเวลาอีกด้วย วิธีเลือกขนาด สีสัน ลวดลายของกระเบื้อง
บริการให้คำปรึกษาฟรี โดยมัณฑนากรมืออาชีพ
กดที่นี่ รับออกแบบตกแต่งภายใน